-----------------------------------------
คนร้ายโหดบุกปาดคอเศรษฐินีเจ้าของปั๊ม น้ำมันดับคาห้องน้ำที่ ท้ายเหมือง จ.พังงา
ก่อนลงมือกรีดกระเป๋าได้เงินสดเพียง 3 พันบาท...
---------------------------------------------------------------------------------------------
---เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 20 ก.ย.52 ร.ต.ท.ชัยยุทธ บุญใหญ่ พงส.ร้อยเวร สภ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกฆ่าตายที่ปั๊มน้ำมันบางจาก เลขที่ 17/7 ม.1 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.กุณฑล ฉลาดแพทย์ ผกก.สภ.ท้ายเหมือง พ.ต.ท.สินชัย ศรีคำขลิบ รองผกก.สส. ร.ต.ต.ชาตรี เพียรขยาย รองสวป. พญ.เพียงบุญตา เนติธรรมกุล แพทย์เวร ประจำ รพ.ท้ายเหมือง นางจนาพร กิตติพรหมวงศ์ ผญบ.ทุ่งมะพร้าว ชุดสืบสวน สภ.ท้ายเหมือง และหน่วยกู้ภัยทุ่งมะพร้าวมูลนิธิสยามร่วมใจ ที่เกิดเหตุเป็นปั๊มน้ำมันบางจากของ หจก.นิติกุล เซอร์วิส จก. ภายในห้องน้ำของพนักงานปั๊มพบศพ น.ส.ยุวดี นิติกุล อายุ 53 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมันบางจาก อยู่บ้านเลขที่ 17/6 ม.1 ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา สภาพนอนหงายจมกองเลือดภายในห้องน้ำพนักงาน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงผ้าลายร่องสีดำ มีบาดแผล ที่ลำคอยาวประมาณ 10 ซม. บาดแผลที่หัวไหล่ซ้ายยาวประมาณ 15 ซม. และร่องรอยการต่อสู้อีกหลายแผลตามลำตัว พบกระเป๋าคาดเอวสีดำถูกมีดกรีดขาดทราบว่ามีเงินสดจำนวน 3,000 - 4,000 บาทหายไป---เนื้อหาด้านบน เป็นข่าวในหน้า หนังสือพิมพ์ รายวัน หลายฉบับ ชองวันที่ 21 กันยายน 2552 เป็นข่าวสะเทือนขวัญ เป็นข่าว อาชญากรรม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ใน อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา จึงเป็นที่สนใจของชาวบ้าน โดยทั่วไป และของสื่อมวลชน เป็นอย่างมากและผมก็เป็นหนึ่ง ในจำนวนผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ ทั้งหลาย ที่ต้องนำเสนอ
---สาเหตุ การถูก ฆาตกรรมนั้น จะเป็นการปล้นเพื่อชิงทรัพย์ หรือจะมีเบื้องหน้า เบื้องหลัง อย่างไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ตำรวจเขา ที่จะต้องสืบสวน หาข้อเท็จจริง
---แต่ ที่ผม ต้องเขียนเป็น บทความพิเศษ เพราะ นางสาวยุวดี นิติกุล หรือ “ อียุ “
เป็นเพือนผม รู้จักกับผม เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว เราทำงาน บริษัททัวร์ ด้วยกัน ที่ ภูเก็ต
“อียุ” อยู่แผนก ตั๋วเครื่องบิน ส่วนผม อยู่ฝ่าย โอเปอเรชั่น “อียุ “ เข้ามาทำงานหลังผมหลายปี แต่รู้จัก สนิทสนม กับผมและครอบครัวของผม เป็นอย่างดี
---“อียุ” เป็นคน มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เปิดเผย ตรงไป ตรงมา จิตใจกว้างขวาง ห้าวและนักเลง จึงคบกับผม เป็นเพื่อนอย่างสนิทใจ ผมเรียกมัน “อียุ” มันเรียกผม “ไอ้นาน” บ่อยครั้งที่มัน ด่าแม่ก่อนเรียกชื่อผม เท่าที่คบกันมา ผมไม่เคยระแคะ ระคาย ว่า “อียุ” เคยมีแฟน ทั้งๆที่ รูปร่าง หน้าตา ของมันก็ไม่ ขี้เหร่ ผิวขาวแบบคนจีน ตอนสาวๆ ค่อนข้างจะดูดี เสียด้วยซ้ำ ผมเคยถามมันตรงๆ ว่า “มึงเคยมีแฟน หรือ เคยมีผัว มั๊ย” มันบอกว่า ไม่เคย ผมถามต่อ ว่า คิดจะมีมั๊ย มันตอบว่า ไม่คิด ผมเลยแซว ว่า “น่าเสียดาย เขาสร้าง มาให้ใช้งาน แต่มึงไม่ใช้ ตายไป โดนเผาทิ้ง ซ่ะ เปล่าๆ” อียุ ด่าแม่ผม แล้วบอกว่า “ของของกู ถ้ากูคิดจะใช้ กูไม่ให้มึงใช้แน่”
---สาเหตุ จริงๆ ที่ อียุ ไม่ยอมแต่งงาน มีครอบครัว เท่าที่ผมรู้ เพราะมันเป็นห่วงแม่ อียุ เป็นคนรักแม่มาก รักพี่น้อง เป็นคนเสียสละ อุปถัมภ์ ค้ำจุน คนในครอบครัว ตลอดมา
---"อียุ" ทำงาน ที่เดียวกับ ผมอยู่ประมาณ 4-5 ปี ก็ลา ออกไปเปิด ปั๊มน้ำมัน ที่เกิดเหตุ นั่นแหละ ช่วง 2-3 ปีแรก ก็ยังติดต่อ ไปมาหาสู่ กันบ้าง หลังจากนั้น ผมลาออกจาก บริษัททัวร์ ไปทำอาชีพอื่น เลยขาดการติดต่อกันตั้งแต่นั้นมา
---เมื่อต้นปี 52 ผมกลับเข้ามา วงการทัวร์อีกครั้ง โดยการเป็นไกด์ นำนักท่องเที่ยว ไปนั่งช้าง และเดินป่า ที่ อุทยานแห่งชาติเขาสก และเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฏร์ธานี ขากลับ ภูเก็ต จะใช้เส้นทาง ที่ต้องผ่าน ปั๊มน้ำมันของ อียุ บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยได้แวะทักทาย เพราะว่า มีนักท่องเที่ยวอยู่ในรถ
---จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 19 ก.ย.52 วันนั้น ผมมีลูกทัวร์ 7 คน เป็น รัสเซียน 5 คน อิตาเลี่ยน 2 คน เป็นวันที่ผมเครียดมากๆ เป็นที่รู้กันว่า รัสเซียนและอิตาเลี่ยน พูดและฟัง ภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยเป็น ตัวไกด์เอง ภาษารัสเซีย กับ ภาษาอิตาลี่ ก็ไม่กระดิก เลยเครียดกันทั้งไกด์และลูกทัวร์ แถมขากลับจากเขาสก พอออกจาก อำเภอ กะปง คนขับรถบอกผมว่า "น้ำมันกำลังจะหมด ไฟโชว์ที่หน้าปัดแล้วพี่ "ไอ้ชิ๊บหาย..ขับรถทำทัวร์ประสาอะไรว่ะ "ผมคิดในใจและเครียดเพิ่มขึ้น เพราะเส้นทาง ระหว่าง กะปง กับ ทุ่งมะพร้าว อยู่ในป่า ในเขา ไม่มีปั๊มน้ำมัน สักปั๊มเดียว ผมถามเขาว่า พอจะลากถึงทุ่งมะพร้าวมั๊ย อีกไม่เกิน 40 กิโล เขาบอกว่า พอไหว ผมคิด ว่าคงได้เจอ อียุ ก็คราวนี้
---ประมาณ บ่าย 4 โมงเศษๆ ถึงทุ่งมะพร้าว มองเห็นปั๊มน้ำมันบางจาก คนขับเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าหัวจ่าย ผมมองไปเห็นด้านหลัง ผู้หญิงคนหนึ่งผมขาวเป็นดอกเลา กำลังก้มๆเงยๆ วุ่นเติมน้ำมันให้รถมอเตอร์ไซ ผมจำได้ทันที นั่น อียุ แน่ ผมเรียกเสียงดัง พอหันมาเห็นผม “เย็..แม่ ไอ้นาน มึงมาจากไหน กูนึกว่ามึงตายแล้ว” นั่นคือคำทักทาย ของเพื่อนสนิท ที่ไม่ได้เจอ กันนาน ผมบอกเล่าเก้าสิบ ให้ฟังคร่าวๆ ว่าไปยังไง มายังไง มันถาม ถึงเมียและลูกผม แล้วก็เติมน้ำมัน ให้เสร็จ ไม่ได้คุยอะไรกันมาก มันก็รู้ว่า แขกอยู่ในรถ โอ้เอ้ ไม่ได้ ก่อนออกมา มันขอเบอร์โทร และบอกผมว่า ว่างๆ จะโทรคุยด้วย แล้วผมก็ออกมา โดยไม่มีลางสังหรณ์ อะไรว่า นั่นเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย
---ตอนสายๆ ของวันที่ 20 ก.ย.52 วันนั้น ผมไม่มีทัวร์ ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่อยู่ ภูเก็ต
บอกว่า อียุ ถูกฆ่าตายแล้ว ผมไม่เชื่อ และตอบกลับไปว่า อย่าล้อเล่น ผมเพิ่งเจอกับ อียุ เมื่อวานตอนเย็นนี้เอง เขาบอกว่า ก็มันถูกปล้นและถูกฆ่า เมื่อเช้ามืด วันนี้เอง เพื่อนยืนยันหนักแน่น ผมยังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง
---พอเช้าวันที่ 21 ข่าวก็ได้รับการยืนยัน จากหนังสือพิมพ์ หลายฉบับ ผมรู้สึกหวิว คล้ายจะเป็นลม
สัตว์นรก ตัวไหนมันทำได้ขนาดนั้น กับผู้หญิงแก่ๆ อายุ 53 ปี แค่ผลักเบาๆ ก็ล้มแล้ว ทำไม ต้องฆ่าด้วย กับเงินแค่ 3-4 พันบาท ไอ้ฆาตกร ตัวนี้ จิตใจ มันทำด้วยอะไร.? มันมาจาก นรกขุมไหน.?
---ไปดี เถิดเพื่อน หมดเวร หมดกรรม ในชาตินี้แล้ว อโหสิ ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้แก่กันน่ะเหลือแต่ กู ที่ยังต้องต่อสู้ ดิ้นรน ต่อไป.!
-------------------------------------------------------------------------------